
คำเทศนานี้ชวนให้สำรวจความหมายของ “ความง่าย” และ “ความยาก” ในชีวิตของคริสเตียน โดยเน้นที่การพึ่งพาพระเจ้า การเป็นมิตรแท้ และการให้ความสำคัญต่อฝ่ายวิญญาณมากกว่าฝ่ายกายภาพ ผ่านเรื่องราวการรักษาคนอัมพาต (ลูกา 5:17–26)
ข้อพระคัมภีร์ (ลูกา 5 : 17-26)
ผู้เทศนา คศ.ทิพากร วริศวงศกร
1. การเลือกหนทาง "ง่าย" หรือ "ยาก"
1.1 คำถามชวนคิด: “แบบไหนง่ายกว่ากัน?” ระหว่างการนมัสการที่บ้านกับที่โบสถ์
- คำเทศนาชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มักจะเลือกหนทางที่ง่าย แต่บางครั้งการเลือกทำสิ่งที่ยากกลับนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีกว่าและเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
1.2 การช่วยเหลือผู้อื่น vs. การละทิ้ง
- “แบบไหนง่ายกว่ากัน ระหว่างช่วยเพื่อนกับทิ้งเพื่อน… ระหว่างนำคนมาหาพระเจ้ากับปล่อยคนแล้วแต่เขาจะเป็นไปแล้วกัน”
ผู้เทศนาท้าทายให้เลือกสิ่งที่ยากกว่า คือการช่วยเหลือและนำพาผู้อื่นมาหาพระเจ้า แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคก็ตาม
1.3 ความสัมพันธ์ในคริสตจักร
- ความสัมพันธ์ในคริสตจักรบางครั้งต้องเปลี่ยนระดับจาก “คนรู้จัก” → สู่ “เพื่อนแท้” ที่พร้อมอยู่เคียงข้างในยามลำบาก เราไม่สามารถผ่านไปได้ได้ด้วยด้วยลำพัง
- “เราต้องการเพื่อนแท้ เราต้องการใครสักคน”
1.4 พึ่งพระเจ้า vs. พึ่งตัวเอง:
- เน้นย้ำว่าสิ่งที่ยากสำหรับมนุษย์จะง่ายลงเมื่อพึ่งพาพระเจ้า
- การอธิษฐานเป็นหนทางสำคัญในการมองหาทางออกจากพระเจ้า
- “เมื่อเรามองขึ้นไปข้างบน มีทางออกเสมอ…”
2. ความเชื่อที่ขับเคลื่อนการกระทำและการแก้ไขปัญหาสุดวิสัย
เรื่องราวของชายอัมพาตที่เพื่อน 4 คนพยายามพามารับการรักษาจากพระเยซูถูกนำมาเป็นตัวอย่างสำคัญของ “ความเชื่อที่ขับเคลื่อนการกระทำ”
2.1 ความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อ
- แม้ฝูงชนจะแน่นหนาจนไม่สามารถเข้าไปได้ เพื่อนๆ ก็ยังหาวิธีโดยการรื้อหลังคาเพื่อหย่อนชายอัมพาตลงมา “เพราะเขามีความเชื่อ ความเชื่อจึงสัมฤทธิ์ผล”
2.2 การมองหาทางออกเหนือธรรมชาติ
- เพื่อนทั้ง 4 คนมองหาทางออกโดย เค้ามองไปข้างบน ข้างบนมีทางออกเสมอ สิ่งนี้เป็นข้อเตือนใจว่าเมื่อเราอธิษฐาน เรากำลังมองขึ้นไปยังพระเจ้าผู้ทรงมีทางออกสำหรับทุกปัญหา
2.3 ความสำคัญของ “เพื่อนแท้”
- พระเยซูเรียกชายอัมพาตว่า “เพื่อนเอ๋ย” ซึ่งสะท้อนถึงการกระทำของเพื่อนทั้ง 4 คน ที่แสดงออกถึงมิตรภาพที่แท้จริง
- การกระทำของทั้ง 5 คน มันเป็นการแสดงออกถึงความ เป็นเพื่อนแท้จริง ๆ
- คำท้าทาย ให้เราเป็นเพื่อนแท้ใครสักคนที่ “เคียงข้าง ร่วมความเชื่อด้วยกัน”
3. การจัดลำดับความสำคัญ (การรักษาโรคบาปก่อนการรักษาโรคทางกาย)
ประเด็นสำคัญหนึ่งที่ผู้เทศนาเน้นคือการที่พระเยซูตรัสกับชายอัมพาตว่า “บาปทั้งหลายของเจ้าได้ รับการยกโทษแล้ว” ก่อนที่จะสั่งให้เขายกแคร่เดินกลับบ้าน
3.1 พระเยซูทรงอภัยบาปก่อนรักษากายภาพ
- การที่พระเยซูทรงอภัยบาปเป็นการสำแดงพระลักษณะความเป็นพระเจ้าของพระองค์ ซึ่งฟาริสีและธรรมาจารย์เข้าใจทันทีว่าเป็น “การหมิ่นประมาทพระเจ้า”
- มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่อภัยบาปได้ “เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้น ที่ยกโทษบาปได้”
3.2 การมองลึกถึงความต้องการฝ่ายวิญญาณ
- พระเยซูมองลึกไปกว่านั้นความต้องการของชายอัมพาต และทรงเห็นความต้องการที่แท้จริงในจิตวิญญาณของเขา
- บาปคือรากเหง้าของปัญหาทั้งหมดของมนุษย์ รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บด้วย
3.3 พระคุณมาก่อนบทบัญญัติ
ผู้เทศนาเปรียบเทียบเช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงช่วยอิสราเอลพ้นจากทาสก่อนประทานบัญญัติ “พระองค์รักษาโรคบาปก่อนเป็นอันดับแรก”
3.4 การพิสูจน์ความเป็นพระเมสสิยาห์
- การที่พระเยซูทรงสามารถทั้งอภัยบาปและรักษาโรคได้นั้นเป็นการพิสูจน์ว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์ตามคำพยากรณ์ในอิสยาห์ “เมื่อพระเมสิยา เสด็จมา… คนง่อยจะ กระโดดอย่างกวาง ลิ้นของคนใบ้จะโห่ ร้องยินดี”
4. การประยุกต์ใช้ในชีวิตคริสเตียน
หนุนใจให้คริสเตียนตอบสนองต่อพระวจนะของพระเจ้าด้วยการใคร่ครวญและตรวจสอบตนเอง
4.1 เลือกพึ่งพาพระเจ้า
- “แบบไหนง่ายกว่ากัน ระหว่างพึ่ง ตัวเอง หรือพึ่งพระเจ้า” ผู้เทศนาท้าทายให้เราเลือกหนทางที่ยากกว่าในสายตามนุษย์ แต่กลับง่ายสำหรับพระเจ้า
4.2 เคียงข้างพี่น้อง
- “อันไหนง่ายกว่ากัน ระหว่างทิ้งเพื่อนกับเคียงข้างเพื่อน” การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งความเชื่อและเป็นพระพรแก่กันและกันเป็นหน้าที่สำคัญของคริสเตียน
4.3 ละทิ้งการตัดสินผู้อื่น
- “อันไหนง่ายกว่ากัน การตัดสินคนอื่น หรือยอมรับคนอื่น” การคิดชั่วหรือการตัดสินผู้อื่นในใจก็เป็นบาปในสายพระเนตรของพระเจ้า
4.4 แสวงหาความสุขเพื่อผู้อื่น
- “แบบไหนง่ายกว่ากัน ระหว่างแสวง หาความสุขให้ตัวเองกับให้ความ สุข แสวงหาความสุขเพื่อคนอื่น” ผู้เทศนาหนุนใจให้เรามีชีวิตที่อุทิศตนเพื่อเป็นพระพรแก่ผู้อื่น
4.5 การตื่นขึ้นและรับใช้
- ผู้เทศนาอธิษฐานขอให้พี่น้อง “ตื่นขึ้น ร้อง สรรเสริญพระเจ้า ตื่นขึ้นรับใช้ พระ เจ้า ตื่นขึ้นร่วมแรงร่วมใจ เคียงข้างกัน เดินในทางของพระเจ้า”