
ผู้เทศนาได้ให้ความสำคัญกับการอธิษฐานและ การแสวงหาพระวจนะของพระเจ้า เพื่อให้เข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์อย่างถ่องแท้ โดยได้เล่าเรื่องราวของชาวอิสราเอลและเผ่าซามาเรียในสมัยกษัตริย์เยโรโบอัมที่ 2 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองทางเศรษฐกิจแต่กลับ ละเลยความยุติธรรมและกดขี่คนยากจน ผู้เทศนาได้เน้นย้ำว่า การนมัสการเพียงเปลือกนอกไร้ความหมาย หากปราศจากความรัก ความเมตตา และการดำเนินชีวิตตามพระทัยของพระเจ้าที่แท้จริง ซึ่งหัวใจของพระองค์ปรารถนาความยุติธรรมและความชอบธรรมเสมอ แม้มนุษย์จะไม่ยุติธรรมก็ตาม บทเรียนจากซามาเรียเตือนใจให้ กลับใจและรักพระเจ้าจากใจจริง โดยไม่ตัดสินผู้อื่น แต่เน้นย้ำถึง ความรักและการปรนนิบัติซึ่งกันและกัน ในคริสตจักรสามัคคีธรรม เพื่อสะท้อนหัวใจของพระเจ้าที่ให้โอกาสและปรารถนาการกลับใจอยู่เสมอ
ผู้เทศนา คศ.ทิพากร วริศวงศกร
ข้อพระคัมภีร์ : (อาโมส 5 : 21-24)