คำเทศนา “พระเจ้าพอพระทัยคนที่เชื่อฟัง”

ความสำคัญของการเชื่อฟังพระเจ้า โดยเน้นย้ำว่าแม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนเลวร้าย แผนการของพระเจ้าก็ยังคงดีที่สุดเสมอ ผู้เทศนาเปรียบเทียบเรื่องราวของชายขาหักที่ตอนแรกดูเหมือนโชคร้ายแต่กลับกลายเป็นดี และชายโรคเรื้อนที่ได้รับการรักษาจากพระเยซู แต่กลับลืมทำตามคำกำชับให้ไปพบปุโรหิต แสดงให้เห็นว่าการเชื่อฟังนั้นสำคัญกว่าความรู้สึกตื่นเต้นหรือการได้รับพร นอกจากนี้ยังมีการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับความท้าทายในชีวิตและการพึ่งพาพระเจ้า โดยสรุปว่าความหวังและความเชื่อมั่นในพระเจ้าจะเปลี่ยนสิ่งร้ายให้กลายเป็นดีได้เสมอ

1. แผนการอันล้ำเลิศของพระเจ้าและการพึ่งพาความเชื่อ

1.1 แผนของพระเจ้าอยู่เหนือความเข้าใจของเรา

  • พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีกว่าที่เราคิด แม้บางครั้งดูเหมือนโชคร้าย แต่หากเชื่อฟังและวางใจในพระองค์ เราจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีในที่สุด
  • “ในทุกเรื่องร้าย ๆ จะมีพระพรที่ซ่อนอยู่”

1.2 ความเชื่อนำทางผ่านความกลัว (ตัวอย่างจากชายขาหัก)

  • ลูกชายของชายคนหนึ่งไม่ได้เข้าร่วมกองทัพเพราะขาหักในอุบัติเหตุ แม้ในตอนแรกดูเหมือนเป็นเรื่องร้าย แต่กลับกลายเป็นการช่วยชีวิตเขาจากสงคราม
  • แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเห็นไกลกว่าและทรงควบคุมทุกสิ่งเพื่อสิ่งดี

2. การสัมผัสและการรักษาของพระเยซู

2.1 การแสวงหาพระเยซูในความสิ้นหวัง

  • เรื่องราวของชายโรคเรื้อนเน้นย้ำถึงความสิ้นหวังและความโดดเดี่ยวของผู้ป่วยโรคเรื้อนในสมัยนั้น ซึ่งถูกมองว่าเป็นมลทินและไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ผู้อื่นหรือเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา
  • ชายโรคเรื้อนที่เข้าหาพระเยซู แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญในการแสวงหาพระองค์ และการตอบสนองอย่างเต็มด้วยความรักของพระเยซู
  • “พระองค์จะทรงทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำ เพื่อท่าน”

2.2 ความรักและการสัมผัสของพระเยซู

  • พระเยซูทรงสัมผัสชายโรคเรื้อน แม้การกระทำนั้นจะขัดกับวัฒนธรรมยุคนั้น เป็นการเปิดเผยถึงความรักและพระคุณที่ไม่มีเงื่อนไข

2.3 ความรักและการไถ่บาปของพระเยซู

  • เปรียบเทียบกับการถวายบูชาในพันธสัญญาเดิม พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพื่อชำระบาปของเราทุกคน

3. การเชื่อฟัง: กุญแจสำคัญสู่พระพรที่ยั่งยืน

3.1 การรักษาไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อฟัง

  • “พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา ในขณะที่เดินกับพระเจ้าโดยปราศจากการเชื่อฟัง”
  • ผู้เทศนาเน้นย้ำว่าแม้จะได้รับการอวยพรหรือการรักษาแล้ว เราต้องไม่ลืมเป้าหมายที่แท้จริง คือการเชื่อฟังพระเจ้า

3.2 คำกำชับของพระเยซู

  • หลังจากรักษาชายโรคเรื้อนแล้ว พระเยซูทรงกำชับเขาว่า “อย่าเล่าอะไรให้ ใครฟังเลย แต่จงไปแสดงตัวต่อ ปุโรหิตและถวายเครื่องบูชาสำหรับคนที่หายสะอาดแล้ว ตามซึ่งโมเสสได้สั่งไว้เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันต่อคนทั้งหลาย”
  • คำสั่งนี้มีความสำคัญมาก เพราะพระเยซูต้องการให้ชายคนนี้ทำตามขั้นตอนที่พระเจ้ากำหนดไว้ในพระคัมภีร์เดิม (เลวีนิติ บทที่ 14) เพื่อเป็นพยานที่ถูกต้องตามหลักศาสนาและเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อปุโรหิต ไม่ใช่เพียงแค่ประกาศให้คนทั่วไปฟัง

3.3 ผลของการไม่เชื่อฟัง

  • ชายโรคเรื้อนคนนี้ไม่เชื่อฟังคำกำชับของพระเยซู เขาออกไปประกาศเรื่องราวของเขา แทนที่จะไปหาปุโรหิตก่อน
  • การกระทำนี้ทำให้พระเยซูไม่สามารถอยู่ในเมืองนั้นได้ และคนอื่น ๆ ก็พลาดโอกาสที่จะได้เห็นการทรงงานของพระองค์

3.4 การเชื่อฟังสำคัญกว่าการรับใช้ที่ปราศจากคำสั่ง

  • พระเจ้าทรงพอพระทัยการเชื่อฟัง และ เราควรเชื่อฟังก่อนที่จะรับใช้
  • ก่อนที่เราจะทำพันธกิจใดๆ หรือจะรับใช้พระเจ้าเราควรจะเชื่อฟังพระเจ้าก่อน การเชื่อฟังทำให้เราไม่เหนื่อยและไม่พลาดการเชื่อฟังทำให้เราอยู่ในแผนการและเส้นทางที่พระเจ้าจะเตรียมไว้”
  • ผู้เทศนาเน้นย้ำว่าการเชื่อฟังเป็นพื้นฐานของการเดินกับพระเจ้าและรับใช้พระองค์ การไม่เชื่อฟังอาจนำไปสู่การเสียเวลา เสียเงิน และความเสียใจ ดังที่ผู้เทศนาได้เป็นพยานจากประสบการณ์ส่วนตัว

4. อันตรายจากการเย่อหยิ่งและการหลงในพระพร

4.1 ความเย่อหยิ่งปิดประตูสู่พระเจ้า

  • ตัวอย่างของคริสตจักรที่อวดความสำเร็จทางวัตถุแต่กลับไล่คนจนออก แสดงให้เห็นว่าแม้พระเยซูเองก็อาจถูก “กีดกัน” ออกจากคริสตจักรของพระองค์เอง
  • “เมื่อเราหลงในสิ่งที่พระเจ้าอวยพร เราอาจปิดโอกาสให้พระองค์ทรงทำงานต่อ”

5. การกลับใจและการพึ่งพาพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง

5.1 การสำรวจหัวใจและความต้องการการฟื้นฟู

  • ผู้เทศนาท้าทายให้กลับไปทบทวนความตั้งใจแรกในความเชื่อว่า เรายังเดินอยู่ในพระประสงค์ของพระองค์หรือไม่
  • “บางคนอาจจะเป็นเหมือนคนโรคเรื้อนที่ต้องการการรักษา แต่บางคนอาจจะเป็นคนที่ลืมสิ่งที่พระเจ้าได้เรียกตั้งแต่แรกที่พบกับพระองค์”

5.2 การพึ่งพาพระเจ้าในทุกวัน

  • พระเจ้าอยากให้เราพึ่งพาพระเจ้า ด้วย สุดใจอยากให้เราอธิษฐานด้วยสุดใจ
  • “แม้เราจะยังเจ็บอยู่ แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าจะรักษา และจะไม่หยุดจนกว่าลมหายใจสุดท้าย”

5.3 การเสริมสร้าง “ภูมิคุ้มกันหัวใจ” และ “หัวใจนักสู้”

  • การอธิษฐานด้วยสุดใจจะทำให้เราได้รับกำลังใหม่ ไม่ใช่เพื่อรับพรเท่านั้น แต่เพื่อเติบโตในการเชื่อฟังและดำเนินชีวิตตามแผนการของพระเจ้า

5.4 อิสรภาพในพระคริสต์

  • “อย่ากลัวเลย…เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ถูกเผา” (อิสยาห์ 43:1-2)

แสดงความคิดเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top