
การเทศนานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแยกแยะครูสอนเท็จและยึดมั่นในความเชื่อแท้ในยุคข้อมูลข่าวสารที่เต็มไปด้วยความเท็จและคำสอนที่บิดเบือน โดยอ้างอิงจากพระธรรมยูดาห์ทั้งเล่มซึ่งมีเพียงบทเดียว 25 ข้อ ผู้เทศนาได้อธิบายถึงลักษณะของครูสอนเท็จและวิธีการที่ผู้เชื่อควรหลีกเลี่ยงและตอบสนองต่อคำสอนเหล่านี้ เพื่อรักษาความเชื่อให้มั่นคงและไม่หลงไปจากทางของพระเจ้า
ผู้เทศนา คศ.พงษ์นคร แซ่อึ้ง
ข้อพระคัมภีร์ : ยูดา 1 : 1-22
1. ลักษณะของครูสอนเท็จ (จาก ยูดาห์ 1:1-16)
1.1 ปฏิเสธความชอบธรรม (ข้อ 4):
- พวกเขา “แอบแฝงเข้ามาในหมู่ท่าน” และ “บิดเบือนพระคุณของพระเจ้า” เป็นช่องทางในการทำชั่วช้า
- ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ผู้เป็นเจ้า พวกเขาอาจเป็นกลุ่ม Gnostic ในเวลานั้นที่เชื่อว่า “วิญญาณเป็นสิ่งที่ดี ร่างกายเป็นสิ่งที่ชั่ว” ดังนั้นการใช้ชีวิตชั่วร้ายจึงไม่ส่งผลต่อจิตวิญญาณ
- คำกล่าวอ้าง: “คนกลุ่มนี้ไม่กลัวความชั่ว ไม่กลัวความบาป ทำได้ทุกอย่าง นี่คือลักษณะที่น่ากลัว เขาคิดว่าการใช้ชีวิตอย่างชั่วร้ายอย่างไรก็ตาม ไม่มีผลต่อจิตวิญญาณ”
- ผู้เชื่อที่ถูกต้องควรดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรงพระเจ้าและปรารถนาที่จะมีชีวิตตามหลักการแห่งพระวจนะของพระเจ้า
ตัวอย่างการลงโทษผู้ปฏิเสธความชอบธรรม (ข้อ 5-7): ชาวอิสราเอลที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าในการยึดครองดินแดนคานาอัน
- ทูตสวรรค์ที่กบฏต่อพระเจ้าและละทิ้งถิ่นฐานของตน
- ชาวเมืองโสโดมและโกโมราห์ที่ประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศอย่างมัวเมา
- คำกล่าวอ้าง: “ไม่ มีสิทธิพิเศษใดๆ ถ้าเราดำเนินชีวิตพระเจ้าไม่พอพระทัย”
ตัวอย่างผู้ปฏิเสธความชอบธรรมในพระคัมภีร์ (ข้อ 11):
- คาอิน: ฆ่าน้องชายเพราะความริษยา
- บาลาอัม: เผยพระวจนะเพราะเห็นแก่เงิน
- โคราห์: มักใหญ่ใฝ่สูงจนกบฏต่อผู้นำที่พระเจ้าแต่งตั้ง
ลักษณะนิสัยของครูสอนเท็จคือ “ความเย่อหยิ่ง เห็นแก่ตัว อิจฉาริษยา ละโมบ มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่สนใจน้ำพระทัยหรือความชอบธรรมของพระเจ้า”
ผู้เทศนาเน้นย้ำว่าเราต้องสำรวจชีวิตตนเองและมองดูผู้อื่นเพื่อ “รู้เท่าทัน” ไม่ใช่เพื่อพิพากษา แต่เพื่อไม่ให้ถูกหลอก
ตัวอย่างในปัจจุบัน: กลุ่มที่สอนให้มาเชื่อพระเจ้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เช่น จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือเน้นแต่ความร่ำรวยและสวยงาม
1.2 ปฏิเสธพระคริสต์ (ข้อ 4, 8):
พวกเขาปฏิเสธว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้า และมักใช้ชีวิตผิดศีลธรรม ไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจและคำสั่งสอนของพระองค์ เพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้ชีวิตตามใจตนเอง
แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่:
- ลัทธิเทียมเท็จ: ปฏิเสธความเพียงพอของพระคัมภีร์ ปฏิเสธตรีเอกานุภาพ ปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระเยซู ปฏิเสธความรอดด้วยพระคุณ ปฏิเสธคริสตจักรสากล
- กลุ่มตกขอบ/สอนเพี้ยน: ไม่ใช่ลัทธิเทียมเท็จโดยตรง แต่สอนเลยเถิด เน้นบางเรื่องมากเกินไป บิดเบือนพระวจนะเพื่อแสวงหาผลประโยชน์
1.3 ปฏิเสธการร่วมสามัคคีธรรมกับพระกายของพระคริสต์ (ข้อ 12-13):
- พวกเขาแอบแฝงเข้ามาในคริสตจักร เข้าร่วมสามัคคีธรรม แต่ภายในไม่ได้อยากเป็นส่วนหนึ่งของพระกายอย่างแท้จริง
- พวกเขามักเข้ามาเพื่อประโยชน์ของตนเอง ชีวิตไม่สำแดงผลว่ามีความเชื่อแท้ และขัดแย้งกับน้ำพระทัยของพระเจ้า
- คำเปรียบเทียบ: “เป็นผู้เลี้ยงแกะที่เลี้ยงแต่ตัวเอง เป็นเมฆที่ไม่มีน้ำ… เป็นต้นไม้ที่ไร้ผล… เป็นคลื่นรุนแรงในทะเลที่ซัดฟองแห่งความบัดสีของตนเองขึ้นมา เป็นดวงดาวที่พัดออกนอกวงโคจร”
- ตัวอย่าง: โจเซฟ สมิธ (มีภรรยามากกว่า 40 คน), ซัน มยอง มุน (ประกาศว่าตนเองคือพระเยซู)
2. วิธีหลีกเลี่ยงครูสอนเท็จ (จาก ยูดาห์ 1:17-25):
2.1 แยกแยะผู้สอนผิดในคริสตจักร (ข้อ 17-19):
- พระเยซูและอัครทูตได้พยากรณ์ไว้ว่าในวาระสุดท้ายจะเกิดคนเยาะเย้ยที่ดำเนินชีวิตตามความปรารถนาชั่ว ก่อให้เกิดความแตกแยก และปราศจากพระวิญญาณ
- ต้องแยกแยะว่าผู้สอนเหล่านั้น “สอนอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร” ทั้งสองอย่างต้องคู่กัน
- อย่าตัดสินจากจำนวนผู้ติดตาม เพราะบางครั้ง “คนกลุ่มน้อยกลับเป็นคนของพระเจ้า”
- เครื่องมือสำคัญ: “ผลของพระวิญญาณ” (กาลาเทีย 5:22-23) – ความรัก, ความยินดี, สันติสุข, ความอดทน, ความกรุณา, ความดี, ความสัตย์ซื่อ, ความสุภาพอ่อนน้อม, การรู้จักบังคับตน
2.2 ยึดมั่นในความเชื่อเพื่อไม่หลงผิด (ข้อ 20-21):
- “สร้างตัว”: อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน, อธิษฐานส่วนตัว, เฝ้าเดี่ยว, มีส่วนร่วมในกลุ่มอธิษฐานและรับใช้ในคริสตจักร
- “รักษาตัว”: ดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้าและคนของพระเจ้า ไม่ฟังผู้สอนมั่วๆ ไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่มีสิ่งของมาล่อ หรือข้องเกี่ยวกับผู้สอนผิด ถ้าความเชื่อยังไม่เข้มแข็งพอ อาจหลงผิดได้ง่าย
- คำเตือน: การเรียนพระคัมภีร์ทุกวัน การรับใช้ในคริสตจักรทุกอาทิตย์ “ไม่ได้ รับประกันว่าเราจะไม่มีวันหลงไปจากทางของพระเจ้า”
2.3 ยินดีช่วยผู้สอนผิดให้กลับใจ (ข้อ 22-23):
- มีใจเมตตาต่อผู้ที่ยังสงสัยอยู่
- “จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกจากไฟ” ด้วยท่าทีสุภาพและบริสุทธิ์ใจ
- เมื่อเผชิญหน้ากับลัทธิเทียมเท็จหรือผู้สอนผิด “ไม่ควรโต้แย้ง ไม่ควรทะเลาะเบาะแว้ง” ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่ขับไล่ไสส่ง
- คำแนะนำ: เมื่อเข้าไปช่วยผู้อื่น ต้องมั่นใจว่า “เท้าของเรายืนอยู่ในที่ที่มั่นคง ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้หลงผิดไปด้วยกัน